เมื่อพูดถึงการทำวิดีโอ คอนเทนต์ที่กำลังมาแรงที่สุดในปัจจุบัน หนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่นักการตลาดเลือกใช้โปรโมทสินค้าและบริการมากที่สุด การจะทำให้คนคลิกเข้ามาดูคลิปวิดีโอประกอบไปด้วยปัจจัยหลายอย่าง และหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือ ‘ชื่อวิดีโอ’ หากเรามีชื่อที่ดี มันจะดึงดูดความสนใจของผู้ชม และเราก็จะได้ยอดวิวเป็นจำนวนมาก
ในทางกลับกัน หากเรามีชื่อที่ไม่ดีหรือดีปานกลาง วิดีโอของเราก็อาจจะไม่ได้รับการดูเลย เพราะมีวิดีโอที่น่าสนใจมากกว่านั้น ดังนั้นชื่อจึงเป็นหนึ่งในองค์ประกอบแรก ๆ ที่จะดึงดูดความสนใจให้กับวิดีโอ และการตั้งชื่อที่ดีใช้แค่ความคิดสร้างสรรค์ก็ยังไม่พอนะคะ ต้องมีสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ ‘SEO’ หรือว่า Keywords ประกอบอยู่ในชื่อด้วย หากเราปรับใช้ไปเรื่อย ๆ ช่องของเราก็จะมียอดคนดู (Views) และระยะเวลาการดู (Watch Times) เพิ่มขึ้นได้
Cr. Google Adsense
คำหลักหรือว่า Keywords เป็นสิ่งที่ต้องมีในชื่อวิดีโอทุกครั้ง จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ต้องหาคีย์เวิร์ดของเรื่องที่เราจะทำมาใส่ให้ได้ ซึ่งคีย์เวิร์ดที่ดีจะต้องมี Search Volume เพียงพอ สม่ำเสมอ และแข่งขันได้ โดยช่องทางการหาคีย์เวิร์ดมีอยู่ 3 ช่องทางด้วยกันก็คือ Google Trends, Google Search และ Google Ads ซึ่ง Google Ads จะเป็นเครื่องมือที่ไม่ฟรีแต่ดู Search Volume ได้เกือบทุกอย่าง
Cr. Google Trends
ส่วน Google Trends ดูได้เพียงแค่ความนิยมของคีย์เวิร์ดว่าสูงหรือต่ำ หา Insight ตามช่วงเวลาและพื้นที่ ส่วน Google Search เป็นช่องทางภายนอก YouTube ที่คนจะเสิร์ชเจอวิดีโอของเราจากหน้าแรกของ Google เพราะกูเกิลพยายามผลักดันให้คนเสิร์ชเจอวิดีโอมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งทั้ง 3 ช่องทางนี้ก็จะมีประโยชน์ต่างกันออกไป สามารถใช้ได้ตามงบที่มี และความสะดวกเลยค่ะ
Cr. YouTube
วิธีการก็คือให้เราเข้าไปในเว็บไซต์ YouTube แล้วเสิร์ชคำหลัก (Keywords) ในช่องเสิร์ชยูทูบที่เกี่ยวข้องกับวิดีโอที่เราจะทำ เช่น เราจะทำวิดีโอเกี่ยวกับการตัดต่อวิดีโอ คำหลักของเราคือคำว่า ‘ตัดต่อวิดีโอ’ ก็ให้เราเอาคำว่าตัดต่อวิดีโอไปเสิร์ชในช่องเสิร์ชของยูทูบ เพื่อที่จะดูคำอื่น ๆ ที่ YouTube Suggest ขึ้นมา และคำที่ยูทูบแนะนำขึ้นมาคือสิ่งที่เราเรียกว่า Seed Keywords หรือคำที่เกี่ยวข้องกับคำหลัก เป็นคำกว้าง ๆ ที่ไม่เฉพาะเจาะจง แต่ก็เป็นส่วนประกอบที่จะทำให้คนเสิร์ชหาวิดีโอของเราเจอได้ง่ายขึ้น
Cr. Google
ส่วนช่องทางหา Seed Keywords อื่นที่ไม่เสียตังค์สักบาทก็คือ หัวข้อที่ Google Suggest มาด้านล่างสุดบนหน้ากูเกิลนั่นเอง โดยเราจะเห็นได้ว่ามี Seed Keywords ร่วมอยู่ด้วย เราสามารถเอาคำที่เกี่ยวข้องนี้ไปใส่ในชื่อวิดีโอของเราเพื่อให้คนหาวิดีโอเจอได้ง่ายขึ้นจากหน้า Google นั่นเอง
Cr. YouTube
แน่นอนว่าคำฮิต ๆ ที่คนทั่วโลกมักจะนำไปตั้งชื่อวิดีโอก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้วิดีโอถูกเสิร์ชเจอง่ายขึ้น นอกจากนั้นยังเพิ่มความน่าสนใจให้กับวิดีโอ ทำให้ชื่อวิดีโอของเราโดดเด่นกว่าคู่แข่งที่ทำวิดีโอในเรื่องเดียวกัน โดยคำที่ฮิต ๆ เด่น ๆ เพิ่มความน่าสนใจให้วิดีโอ ได้แก่ การเน้นผลลัพธ์, เน้นความเข้าใจง่าย, เล่นกับเวลา, ตัวเลข หรือความใหม่ล่าสุด และอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
Cr. TikTok
การตั้งชื่อให้พอดี ไม่ล้นกรอบของเว็บไซต์ที่เขากำหนดมาก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่จะทำให้คนดูคลิปเข้ามาดูวิดีโอของเราได้ ยกตัวอย่างเช่น YouTube เขาจะอนุญาตให้เราตั้งชื่อ Title ได้มากถึง 100 ตัวอักษร แต่ถ้าเราตั้งชื่อวิดีโอยาวเกินไป หรือไม่สามารถเข้าใจได้ใน 60 ตัวอักษรแรกก็จะทำให้คนดูไม่คลิกวิดีโอของเราเป็นวิดีโอถัดไปที่จะดูก็ได้ ส่วนนี้จะเห็นผลมาก ๆ ตอนที่ YouTube แนะนำวิดีโอของเราเป็นคลิปถัดไป ดังนั้นควรตั้งชื่อวิดีโอให้ไม่เกิน 60 ตัวอักษร หรือลองนับก็ได้ค่ะว่าเเต่ละแพลตฟอร์มควรใส่กี่ตัวอักษรถึงจะพอดีไม่ล้นเฟรมเมื่อต้องเล่นเป็นวิดีโอถัดไป เพราะอย่าง TikTok ก็ตั้งชื่อวิดีโอสั้นมาก ๆ ไม่เกิน 20 ตัวอักษร
ส่วนใครที่อยากรู้เทคนิคพิเศษเกี่ยวกับการตัดต่อวิดีโอเพิ่มเติมสามารถเรียนรู้ได้จากคอร์ส ‘ตัดต่อวิดีโอด้วยมือถือ’ คอร์สที่จะสอนตั้งแต่เริ่มต้นจนตัดต่อและสร้างผลงานได้จริงแบบมืออาชีพ เรียนรู้แบบลงมือทำจริง แม้ไม่มีพื้นฐานก็เรียนได้ สนใจเรียน คลิกที่นี่
ที่มาข้อมูล